โครงการผันน้ำเข้าที่ส่วนพระองค์บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Last updated: 20 ธ.ค. 2564  |  5015 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โครงการผันน้ำเข้าที่ส่วนพระองค์บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    “ ...ในที่สุด ปีนี้น้ำก็ท่วมและเกิดระลึกขึ้นมาได้ว่ามีโครงการนี้อยู่...จึงให้คนไปถ่ายรูปมีหลายฝ่ายทั้งทางภาคพื้นดิน ทั้งทางอากาศ ในรูปได้เห็นว่ามีการสูบน้ำปลายหนึ่งของท่อจุ่มอยู่ในสระ และดูดน้ำออกจากสระ น้ำในสระนั้นมีระดับวัดได้ 3 เมตร 50 เซนติเมตร แต่เมื่อดูแล้วข้างนอก น้ำขึ้นสูงไปมากกว่านั้นจึงบอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งหยุดสูบน้ำออกไปและถ้าอย่างไรให้เปิดประตูน้ำที่เป็นท่อ และช่องที่เปิดน้ำให้เข้า-ออกได้ ให้น้ำเข้ามา น้ำก็ค่อยๆเข้ามาเอื่อยๆ น้ำจึงขึ้นมาหน่อย แต่ว่าเข้ามาช้ามาก... ก็เลยบอกว่าให้ฟันคัน ให้ใช้รถตักที่เขาเรียกว่าแบ็คโฮตักคันที่กั้นน้ำนั้นให้น้ำเข้ามา...และในเวลาเดียวกันก็วัดระดับน้ำ ปรากฏว่าระดับน้ำทางด้านตะวันออกคือน้ำที่มาจากแม่น้ำป่าสักสูงกว่าด้านที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 20 เซนติเมตร ความรู้นี้ ไม่มีใครเคยรู้ว่า น้ำที่อยู่ในทุ่งด้านป่าสักมีความสูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา และความรู้นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกรมชลประทานเกิดความรู้ว่า น้ำท่วมกรุงเทพฯ มาจากไหนและไปไหน... ”

    พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2538

 

ความเป็นมา

    วันที่ 10 กรกฎาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริ ณวังไกลกังวล ให้การก่อสร้างโครงการพระราชานุสาวรีย์ฯมีการใช้น้ำที่เก็บในสระเก็บน้ำจำนวนมากเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งของราษฎรที่มีพื้นที่อยู่รอบบริเวณพระราชานุสาวรีย์ฯ

    วันที่ 24 ตุลาคม 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชกระแสให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ของพระราชานุสาวรีย์ฯ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ถูกน้ำท่วมและเพื่อเป็นการเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งอีกทางหนึ่งด้วยและนำที่ได้เก็บกักไว้ในสระเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ตามแนวพระราชดำริด้านการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้งโดยส่งเสริมอาชีพเสริมแก่ราษฎร 4 โครงการ คือโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวนาปรัง โครงการปลูกพืชอายุสั้นและไม้ผล โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงปลาและโครงการเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน

    วันที่ 13 พฤศจิกายน 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาปรับปรุงบริเวณพื้นที่โครงการให้สามารถเก็บน้ำได้มากขึ้นเป็น 200 ไร่ เหลือเป็นพื้นที่พระราชานุสาวรีย์ไว้ 50 ไร่ และยกระดับถนนในพื้นที่ขึ้นด้วย

    วันที่ 4 ธันวาคม 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำรัสกับบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สรุปความได้ว่า

    ..ในที่สุด ปีนี้น้ำก็ท่วมและเกิดระลึกขึ้นมาได้ว่ามีโครงการนี้อยู่...จึงให้คนไปถ่ายรูปมีหลายฝ่ายทั้งทางภาคพื้นดิน ทั้งทางอากาศ ในรูปได้เห็นว่ามีการสูบน้ำปลายหนึ่งของท่อจุ่มอยู่ในสระ และดูดน้ำออกจากสระ น้ำในสระนั้นมีระดับวัดได้ 3เมตร 50 เซนติเมตร แต่เมื่อดูแล้วข้างนอก น้ำขึ้นสูงไปมากกว่านั้นจึงบอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งหยุดสูบน้ำออกไปและถ้าอย่างไรให้เปิดประตูน้ำที่เป็นท่อ และช่องที่เปิดน้ำให้เข้า-ออกได้ ให้น้ำเข้ามา น้ำก็ค่อยๆเข้ามาเอื่อยๆ น้ำจึงขึ้นมาหน่อย แต่ว่าเข้ามาช้ามาก... ก็เลยบอกว่าให้ฟันคัน ให้ใช้รถตักที่เขาเรียกว่าแบ็คโฮตักคันที่กั้นน้ำนั้นให้น้ำเข้ามา...และในเวลาเดียวกันก็วัดระดับน้ำ ปรากฏว่าระดับน้ำทางด้านตะวันออกคือน้ำที่มาจากแม่น้ำป่าสักสูงกว่าด้านที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 20 เซนติเมตร ความรู้นี้ ไม่มีใครเคยรู้ว่า น้ำที่อยู่ในทุ่งด้านป่าสักมีความสูงกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา และความรู้นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกรมชลประทานเกิดความรู้ว่า น้ำท่วมกรุงเทพฯ มาจากไหนและไปไหน...

    ...ก็บอกให้ทำต่อไปจนกระทั่งน้ำข้างนอกกับน้ำข้างในเท่ากันและวัดดูโดยต่อจากมาตรวัดน้ำ ซึ่งทีแรกสูง 4 เมตร ต่อขึ้นมา 5 เมตร ก็ท่วม 5 เมตรจนกระทั่งขึ้นมาถึง 5 เมตร 70 เซนติเมตร เป็นอันว่าน้ำที่เข้ามาในบริเวณนั้นจากเดิม3 เมตร 50 เซนติเมตร ขึ้นมาเป็น 5 เมตร 70 เซนติเมตร และน้ำในสระนั้นแทนที่จะมีประมาณห้าแสน ก็ขึ้นมาเกือบสองล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อถึงขนาดนั้นแล้ว จึงสั่งให้ปิดได้ให้ปิดเพื่อที่จะเก็บน้ำนี้ไว้ข้างใน ...ทำให้ราษฎรเห็นว่าอนุสาวรีย์นี้ทำประโยชน์และสมเด็จพระสุริโยทัย นี้เป็นวีรสตรีในอดีต กลับมาเป็นวีรสตรีในปัจจุบันด้วยฉะนั้นโครงการนี้ก็ได้ผลเต็มที่...

    ...ทฤษฎีใหม่นี่มีไว้สำหรับป้องกันความขาดแคลนในยามปกติก็จะทำให้ร่ำรวยมากขึ้น ในยามที่มีอุทกภัยก็สามารถที่จะฟื้นตัวได้เร็วโดยไม่ต้องให้ทางราชการไปช่วยมากเกินไปทำให้ประชาชนมีโอกาสพึ่งตนเองได้อย่างดี ฉะนั้นจึงได้สนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่...

    วันที่ 23 มกราคม 2539 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อทรงเยี่ยมเกษตรกร และทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการดำเนินงานการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่รอบพระราชานุสาวรีย์ในการนี้ ทรงเปิดคันบังคับน้ำ เพื่อปล่อยน้ำเข้าสู่ท่อส่งน้ำที่ 2 เพื่อส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรของราษฎรที่อาศัยอยู่โดยรอบและทรงมีพระราชดำริในเรื่องต่างๆกับคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการประกอบอาชีพของราษฎรโดยพระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการพิจารณานำทฤษฎีใหม่มาใช้งานโดยให้ขุดสระน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตโครงการและบริเวณใกล้เคียงเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำในฤดูฝน และพิจารณาเพิ่มระดับเก็บกักรวมทั้งให้ขุดลอกสระเก็บน้ำให้ลึกลงไปตามความเหมาะสมเพื่อเพิ่มปริมาณความจุให้สระเก็บน้ำ 

    วันที่ 14 พฤษภาคม 2539 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยเพื่อทรงเกี่ยวข้าวในนาซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพปลูกข้าวนาปรัง และพระราชทานข้าวที่ทรงเกี่ยวเพื่อไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในการนี้ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน กรมโยธาธิการ และกรมพัฒนาที่ดิน ปรับปรุงสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์ฯโดยขุดดินก้นสระให้มีความลึกโดยเฉลี่ยอีกประมาณ 1 เมตร เพื่อกักเก็บน้ำให้มากกว่าเดิมดินที่ขุดได้ส่วนหนึ่งให้นำไปทำทางสัญจรด้านทิศเหนือขนานไปกับคันกั้นน้ำให้ประชาชนใช้เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างถนนริมแม่น้ำกับถนนสายใหญ่ดินอีกส่วนหนึ่งให้นำไปทำถนนเสริมคันกั้นน้ำเดิมให้สูงถึงระดับ 6.20 เมตร (รทก.)หากมีน้ำไหลหลากมากเหมือนปี 2538 จะได้ระบายน้ำเข้ามาในสระเก็บน้ำน้ำจะได้ไม่ท่วมหลังคันกั้นน้ำซึ่งจะทำให้มีน้ำเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้งเพิ่มมากขึ้น

 

ลักษณะของโครงการ

    โครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยมีพื้นที่โดยรวมทั้งสิ้นประมาณ 256 ไร่ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน ดังนี้

    ส่วนที่ 1 พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยสวนสาธารณะ และอื่นๆ 

                 มีพื้นที่ประมาณ 56 ไร่ ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้

                 - องค์พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยทรงช้างประดิษฐานบนเกาะเนินดิน พื้นที่ประมาณ 24 ไร่

                 - อาคารประกอบอื่นๆในบริเวณเช่น อาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ส่วนแสดงแผนผังบริเวณและอาคารบำรุงรักษา ระบายน้ำและบ้านพักเจ้าหน้าที่ 

    ส่วนที่ 2 พื้นที่สระเก็บน้ำ

                  มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้งและรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก

                  - พื้นที่ผิวน้ำที่ระดับเก็บกัก 158 ไร่

                  - ปริมาณความจุที่ระดับเก็บกัก 1,209,000 ลูกบาศก์เมตร

                  - ระดับคันกั้นน้ำ + 6.20 เมตร (รทก.)

                  - ระดับเก็บกักปกติ +4.50 เมตร (รทก.)

                  - ระดับเก็บกักสูงสุด +5.760 เมตร (รทก.)

                  (ในปี 2538 เกิดปัญหาอุทกภัยสามารถกักเก็บน้ำได้ 1,583,040 ลูกบาศก์เมตร)

                   - ปริมาณน้ำเก็บกักที่สามารถ  500,000 ลูกบาศก์เมตร

                   นำมาใช้ประโยชน์โดยวิธีการธรรมชาติ

 

แนวทางการบริหารจัดการน้ำ

    โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาดำเนินการบริหารจัดการสระเก็บน้ำโครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยในรูปแบบพื้นที่แก้มลิง โดยมีแนวทางการบริหารจัดการ ดังนี้

    1. การเติมน้ำเข้าสระ 

       การรับน้ำเข้าสู่พื้นที่สระเก็บน้ำทำโดยใช้ระบบท่อเพื่อเติมน้ำ ประกอบด้วย 3 รูปแบบ ดังนี้

         ท่อส่งน้ำจากคลองชัยนาท – อยุธยา จำนวน 1 ท่อ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.80 เมตร ความยาว 516 เมตร ส่งน้ำได้ 0.73 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือวันละ 63,000 ลูกบาศก์เมตรสามารถส่งน้ำได้เฉพาะในฤดูฝนช่วงเดือนตุลาคมน้ำในคลองชัยนาท – อยุธยา จะสามารถไหลเข้าสระเก็บน้ำได้ส่วนหนึ่ง

         โรงสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง บริเวณหน้าวัดเกตุ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยาสามารถสูบน้ำได้ 0.60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือวันละ 166,000 ลูกบาศก์เมตร โดยส่งน้ำไปตามท่อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 1 ท่อ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.80 x 254 เมตร สามารถสูบน้ำเข้าสระได้ทั้งฤดูแล้งและฤดูฝนและหากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จะสามารถไหลเข้าสระเก็บน้ำได้โดยธรรมชาติ

         ท่อรับน้ำและระบายน้ำทรงสี่เหลี่ยมจำนวน 2 ท่อ ขนาด 1.5 x 1.80 เมตร จำนวน 1 แห่ง ในช่วงฤดูน้ำ สามารถรับน้ำเข้าพื้นที่ได้วันละประมาณ 300,000 ลูกบาศก์เมตร

    2. การนำน้ำไปใช้ประโยชน์

       ในช่วงฤดูแล้งจะทำการส่งน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมรอบโครงการฯจำนวน 1,037 ไร่ ผ่านระบบชลประทาน ประกอบด้วย

         อาคารระบายน้ำที่ 1 (ด้านทิศเหนือ) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.60 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 0.20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรทางด้านทิศเหนือ

         อาคารระบายน้ำที่ 2 (ด้านตะวันออก) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.60 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 0.20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งให้พื้นที่การเกษตรทางด้านทิศตะวันออก

         อาคารระบายน้ำที่ 3 (ด้านทิศใต้) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.60 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 0.20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีส่งให้พื้นที่การเกษตรทางด้านทิศใต้

         คูส่งน้ำดาดคอนกรีตจำนวน 3 สาย ความยาวรวม 4,070 เมตร

            สายที่ 1 ขนาดท้องคูกว้าง 0.30 เมตร ยาว 1,290 เมตร มีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวน 242 ไร่ 

            สายที่ 2 ขนาดท้องคูกว้าง 0.30 เมตร ยาว 1,740 เมตร มีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวน 522 ไร่

            สายที่ 3 ขนาดท้องคูกว้าง 0.30 เมตร ยาว 1,040 เมตร มีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวน 165 ไร่ 

       ปัจจุบันโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาได้ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ(กลุ่มพื้นฐาน)“ทุ่งมะขามหย่อง” คิดเป็นพื้นที่รับประโยชน์ 1,037 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านใหม่ ตำบลวัดตูม และตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    3. การบริหารจัดการน้ำในช่วงเกิดอุทกภัย

        ในช่วงน้ำหลากและเกิดปัญหาอุทกภัยโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา จะทำการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในสระเก็บน้ำตลอดเวลา โดยในปี 2553 และ ปี 2554 ได้ดำเนินการดังนี้ 

        ปี 2553 ทำการเปิดรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่พื้นที่สระเก็บน้ำโดยวิธีการธรรมชาติ(Gravity) จนเต็มสระเก็บน้ำที่ระดับ +5.0 เมตร (รทก.) ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกักปกติ 50 เซนติเมตรโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พื้นที่ภายในโครงการ 

        ปี 2554 เกิดปัญหาอุทกภัยร้ายแรงในหลายพื้นที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงตั้งแต่เดือนกันยายน ส่งผลให้ น้ำเข้าท่วมเต็มพื้นที่สระเก็บน้ำสูงถึงระดับ +7.00 เมตร (รทก.) สูงกว่าระดับคันกั้นน้ำรอบสระที่มีระดับ +6.20 เมตร (รทก.) คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 5.4 ล้านลูกบาศก์เมตรเมตรภายหลังระดับน้ำลดลงไม่ปรากฏว่าอาคารระบบชลประทานได้รับความเสียหาย 

        การเปิดรับน้ำเข้าพื้นที่สระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยเป็นการบริหารจัดการตามหลักการของแก้มลิง โดยในยามน้ำหลากจะเปิดรับน้ำเข้าสระเก็บน้ำโดยวิธีธรรมชาติและในช่วงฤดูแล้งจะบริหารจัดการน้ำด้วยระบบชลประทานเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรกรรม ซึ่งเป็นการพร่องน้ำเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรองรับปริมาณน้ำหลากครั้งต่อไป

 

 

อ้างอิง :

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้