อนิเมชั่นโครงการพระราชดำริ "โครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม"

ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ของโครงการ แต่ด้วยพระเมตตา ที่ช่วยพลิกชีวิตของเกษตรกร

   ความเป็นมา : ก่อนปี พศ 2528 พื้นที่ตำบลเขาชะงุ้ม เกิดวิกฤติที่ดินเสื่อมโทรมอย่างหนัก จากการใช้ที่ดินผิดวีธี ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เสื่อมโทรมมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไร้ป่า ไร้การเพาะปลูก

   ราษฎรได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายที่ดิน จำนวนประมาณ 700 ไร่ โดยหวังว่าพื้นที่แห่งนี้จะสามารถพัฒนาให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับที่ดินผืนนี้ไว้ในพระปรมาภิไธย และได้พระราชทานพระราชดำริให้ทดลองด้านการปรับปรุงดินที่เสื่อมโทรม ก่อเกิดโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเชาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาดิน น้ำ ป่า รวมถึงเกษตรกรรม

   หลักการ : โดยเริ่มจากการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้น้ำได้กลายเป็นต้นทุนในการพัฒนาดินและป่าต่อไป โดยสร้างอ่างเก็บน้ำเขาชะงุ้ม

   การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก คือให้ฟื้นฟูสภาพป่า ดำเนินการพัฒนาและปล่อยไว้ในสภาพเดิม ให้ธรรมชาติฟื้นตัวเอง โดยใช้แนวทางการฟื้นฟูของแหล่งน้ำ ปลูกไม้ยืนต้นให้มีความชุ่มชื่น สวยงาม ตามธรรมชาติ การปลูกหญ้าแฝก และการจัดทำแปลงสาธิตการทำเกษตรผสมผสานแบบยั่งยืน

   ภายในพื้นที่โครงการ ฯ มีกิจกรรมการดำเนินงานอีกหลายประการ เช่น

1. ศึกษาทดสอบหาความเจริญเติบโตและการเพิ่มผลผลิตของมะขาม จำนวน 6 ไร่
2. ศึกษาทดสอบการปลูกข้าวไร่ จำนวน 5 ไร่
3. ศึกษาทดสอบวิธีฟื้นฟูดินเพื่อการเกษตร จำนวน 11 ไร่
4. สาธิตการเลี้ยงสัตว์ เช่น บ่อเลี้ยงปลา และการปศุสัตว์อื่น อย่างถูกวิธี
5. ศึกษาวิธีการทำปุ๋ยหมัก จำนวน 5 ตัน
6. โครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงเห็ด จำนวน 3,000 ถุง/ปี

   จากแนวพระราชดำริ ผ่านมากว่า 30 ปี พื้นที่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น เมื่อได้ผลสำเร็จแล้วก็ไปขยายผลแก่เกษตรกร 12 หมู่บ้าน เพื่อให้สามารถปลูกพืชได้ อยู่กับธรรมชาติได้ มีการอนุรักษ์การฟื้นฟูดิน และป่า เกษตรกรมาเรียนรู้ในเรื่องของการทำการเกษตร การปลูกพืช การปลูกผัก อยู่อย่างพอเพียง จวบจนปัจจุบัน ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ที่สำคัญในจังหวัดราชบุรี เป็นแหล่งเรียนรู้ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศ แก่เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่และต่างพื้นที่ ได้เข้ามาศึกษาและท่องเที่ยว นำความรู้กลับไปต่อยอด พลิกฟื้นผืนดินในพื้นที่ของตน ให้กลับมาใช้ประโยชน์ทั้งทางด้านการเกษตร และการอนุรักษ์ป่าอย่างยั่งยืน

นับเป็นแสงแห่งพระบารมีที่จะส่องสว่างกลางใจปวงชนชาวไทยตราบนิรันดร์